ประสบการณ์ลูกป่วยเป็น RSV อายุ 1 ปี 3 เดือน

#ประสบการณ์ลูกป่วยเป็นRSV
อายุ 1 ปี 3 เดือน
หอบหิ้วกันมาโรงพยาบาลด้วยอาการ
#ไข้สูง #น้ำมูกเยอะ #ไอหนักมาก #หอบ #ซึม

วันที่ 1 ผลตรวจน้ำมูกให้ผลบวกไวรัส RSV
และผลจากฟิมล์X-ray พบลงหลอดลมแล้วจ้า เพราะหลอดลมหนาแล้ว  ไข้สูงมากเกือบ 40 องศา เช็ดตัวและได้ยาลดไข้สูง (ยาลดไข้สูงห้ามซื้อกินเองอันตรายมาก!! )
พีคกว่านั้นคือ.. แอดมิทต้องรอห้องอีก 7 คิว! 

วันที่ 2 คุณคะ.. ดิฉันจะบอกว่าก่อนหน้านี้ลูกชายดิฉันเพิ่งออกจากรพ.ได้ 2 วัน (ก่อนหน้านี้ติดเชื้อในลำไส้ ท้องเสีย) ดังนั้นไม่ใช่แค่ต้องเฝ้าคนไข้ RSV นะคะ เด็กชายคนนี้ยังไม่หยุดถ่ายเหลวด้วย วันละหลายๆรอบ นี้หอบลูก กะเตงเสาน้ำเกลือ และเพิสอึ เดินไปมาหลายรอบละจ๊ะ (อยู่กัน2คนแม่ลูก)

วันที่ 3 ยังมีไข้สูง โชคดีที่เสมหะไม่ได้ลงปอด ไม่ได้เกาะปอดจึงไม่ต้องเคาะปอด แต่ว่าน้ำมูกเยอะ ไอเยอะ พ่นยา และ กินยา ดูดน้ำมูกเสมหะ ล้างจมูก

วันที่ 4 การรักษายังเป็นการพ่นยาวนไป พ่นยาทุก 4 ชั่วโมง ทั้งกลางวัน และ กลางคืน ยิ่งช่วงกลางคืนลูกยิ่งเครียด ง่วง ร้อง งอแง…

แม่นี้ยังนอนสะดุ้งๆ ไปลำสายน้ำเกลือตลอด กลัวพันคอลูก.. ไม่เคยนอนหลับสนิทสักวัน ไม่มีอะไรทำให้แม่หมดแรงได้.. ตราบใดที่ลูกยังอยู่ตรงหน้า..

วันที่ 5 ยังต้องพ่นยาเพื่อรักษาอาการและละลามเสมหะ.. ดีขึ้นมาหน่อยที่พ่นไม่ถี่มากแล้ว แต่คืนนี้ตีสอง ก็ถูกปลุกมาพ่นอีก..
#แม่มีทริค #สำหรับเด็กที่งอแงในการพ่นยา
บ้านนี้ใช้วิธีนำตุ๊กตาของรักมาพ่นด้วยซะเลย เราจึงต้องปลุกพี่หมีมาพ่นด้วย เป็นเพื่อนกันสินะ (ภาพในคอมเม้นต์) วันนี้ยาตัวนึงพ่นทุก 6 ชม. อีกตัวพ่นทุก 12 ชม.

วันที่ 7 วันนี้เริ่มกินข้าวได้เยอะ กินยาได้ดี ยาแต่ละมื้อมีหลายหลอดมากๆ อยู่รพ.หลายวันเริ่มคุ้นเคยและทำใจยอมรับการกินยาได้

วันที่ 8 กลับบ้านแล้วจ้า.. แต่ต้องรักษาตัวต่อที่บ้าน
ดังนี้
พ่นยา 2 ตัว เพื่อขยายหลอดลม ละลายเสมหะ และรักษาการอักเสบของหลอดลม ทุก 6 และ 12 ชม.

มียากินตอนเช้า กลางวัน และ เย็น และ ก่อนนอน
ลดน้ำมูก แก้ไอ ขับเสมหะ ยาปรับลำไส้ ยาแก้หอบ ซิงค์ ยาลดไข้เมื่อมีอาการทุก 4 ชม.กรณีไข้ 37.8 องศา และยาลดไข้สูงเมื่อมีอาการ ทุก 6 ชม. กรณีไข้ มากกว่า 38.5 องศา

ล้างจมูกเช้า บ่าย และ ก่อนนอน หรือ เวลาคัดจมูกมากๆ

พ่นยาจมูก สเปรย์ Mars plus และ Nasonex ทุก 6 ชม.

สรุปอยู่โรงพยาบาล 8 วัน 7 คืน และหลังจากเป็น RSV มาแล้ว ไม่ว่าจะป่วยอะไรก็มักจะลงหลอดลม หรือ หลอดลมอักเสบตลอดเลยค่ะ ต้องทำใจจริงๆค่ะ

#วิธีสังเกตอาการRSVเบื้องต้น
 มีอาการซึม กินอาหารน้อยลงกว่าเดิม
 หงุดหงิด งอแง
 มีน้ำมูกอาจมาก หรือ น้อยก็ได้ แต่จะมีเรื่อยๆน้ำมูกซึมจมูกตลอด
 อาการไอมาก!! เสียงไอโขลกๆ เหมือนมีเสมหะเยอะมาก **** อันนี้ชัดสุด!!
 หายใจแรง เหนื่อย หอบ หายใจถี่เร็ว ***
 มีไข้ ขึ้นๆลงๆ อาจไข้สูงเป็นบางครั้ง

#สิ่งที่แม่ควรทำ
 หากไข้ขึ้นรีบเช็ดตัวลดไข้ อย่าปล่อยไข้สูง
หากวัดไข้แล้วไข้สูงมาก เช่น 39 หรือ 40 องศา
ให้ป้อนยาลดไข้พาราเซตามอลก่อน กินตามน้ำหนักตัวลูกและรีบเช็ดตัว โบกผ้าเปียก หรือ อาบน้ำ โดยใช้น้ำธรรมดา

 อย่าเพิ่งให้ลูกกินยาลดไข้สูง เพราะหากลูกไม่ได้เป็น RSV จริง แต่ไข้สูงจากโรคอื่น เช่น ไข้เลือดออก การกินยาลดไข้สูงพวกแอสไพรืนหรือไอบูโพรเฟน เพราะจะทำให้เกล็ดเลือดเสียการทำงาน และเสียชีวิตได้!!

 ล้างจมูกอย่างเบามือ ก็จะช่วยให้หายใจสะดวก อย่ากดอัดแรงจะทำให้น้ำเกลือเข้าโพรงไซนัสอักเสบได้

รีบพามาโรงพยาบาล ให้คุณหมอวินิจฉัยโรค ตรวจน้ำมูกว่าเป็นเชื้ออะไร และต้องX-ray ดูสภาพของระบบทางเดินหายใจว่าเป็นอย่างไรบ้าง อย่าชะล่าใจเด็ดขาด เพราะหากมาโรงพยาบาลช้า เสมหะอาจลงปอด เกิดเป็นปอดอักเสบได้

เป็นกำลังใจให้ทุกๆบ้านผ่านพ้นสถานการณ์ไวรัสตัวฮิตนี้ไปนะคะ และอย่าลืมว่าหากตรวจพบว่าเป็น RSV แล้ว ควรแจ้งโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่ลูกอยู่ เพราะทางโรงเรียนอาจจะต้องทำความสะอาด หรือแม้กระทั่งหากเกิดการระบาดเยอะ เพราะโรคนี้ติดกันง่ายมากๆ จากการไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย บลาๆๆ จนโรงเรียนต้องสั่งหยุดเรียนเพื่อทำความสะอาดครั้งใหญ่เลยทีเดียวค่ะ

#รักลูกตัวเอง #เซฟลูกคนอื่น กันด้วยนะคะ 

#เมื่อลูกป่วย
#ไวรัสระบาดในเด็กเล็ก

ข้อดีของประกันชีวิต ดีอย่างไร