ซื้อประกันภัยรถยนต์อย่างไร...ให้ถูกสุดๆ รวม 13 เทคนิคซื้อประกันภัยรถยนต์ให้ได้ราคาถูกที่สุด

การซื้อประกันภัยรถยนต์ เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ สำหรับคนมีรถและขับขี่เป็นประจำ เนื่องจากเป็นการซื้อความเสี่ยง เพราะหากการขับขี่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น อาจมีความเสียหายสูงมากๆทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จนเรารับผิดชอบไม่ไหว หากเราซื้อประกันไว้ บริษัทประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบแทนเรา.

 

วันนี้ผมรวบรวมเทคนิคการซื้อประกันรถยนต์ให้ประหยัดเงินในกระเป๋าแบบสุดๆ แบบที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาฝากกัน..ลองอ่านกันดูนะครับ..
 
1.เปรียบเทียบเบี้ยประกันและความคุ้มครองหลายๆบริษัทก่อนจะซื้อ..
รู้หรือไม่ว่าที่ความคุ้มครองเท่ากัน แต่ละบริษัทจะคิดเบี้ยประกันไม่เท่ากัน ปัจจุบันนี้คุณสามารถเปรียบเทียบเบี้ยของแต่ละบริษัทผ่านตัวแทน โบรกเกอร์ หรือจะผ่านทางออนไลน์ก็ง่ายนิดเดียว วิธีนี้ก็อาจทำให้คุณประหยัดได้หลายพันบาทเลยทีเดียว.
 

2.ใช้ส่วนลดด้วยการระบุชื่อผู้ขับขี่.

วิธีนี้เหมาะกับรถที่มีคนขับไม่เกิน2คน เพียงเราแจ้งตัวแทนว่าต้องการระบุชื่อและอายุผู้ขับขี่ แค่นี้ก็ได้ส่วนลดเบี้ยประกันแล้วโดยส่วนลดจะขึ้นกับอายุผู้ขับขี่ดังนี้..

อายุ18-24 ปี รับส่วนลด 5%

อายุ 25-35 ปี รับส่วนรถ 10%

อายุ 36-50 ปี รับส่วนรถ 15%

อายุ 50ปีขึ้นไป รับส่วนลด 20%

ใช้ส่วนลดแล้วเราก็อย่าให้คนอื่นขับแทนนะครับเพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุ เราจะถูกเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกสูงสุดถึง 6,000 บาท เพราะเราผิดเงื่อนไขกรมธรรม์.

ซื้อประกันภัยรถยนต์อย่างไร...ให้ถูกสุดๆ รวม 13 เทคนิคซื้อประกันภัยรถยนต์ให้ได้ราคาถูกที่สุด

3.ใช้ส่วนลดจากการยอมจ่าย”ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)”.

หากเรามั่นใจว่าเป็นคนขับรถดี มีวินัย และชำนาญแล้วล่ะก็ วิธีนี้ก็เหมาะกับเราเลยทีเดียว เราสามารถแจ้งขอใช้ส่วนลดเบี้ย จากการขอจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกได้ เช่น ถ้าเรายินดีจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก 4,000 บาท เราจะได้ส่วนลดเบี้ยลงถึง 4,000 บาทเลยทีเดียว(100%) แต่เราต้องยอมรับเงื่อนไข กรณีเกิดอุบัติเหตุ เราจะต้องจ่ายเงินค่าเสียหายส่วนแรกนี้ 4,000 บาทด้วยนะครับ.

 

4.ใช้ส่วนลดจากการทำประกันกลุ่ม.
หากเราจดทะเบียนรถเป็นชื่อเดียวกัน 3 คันขึ้นไป และไม่มีเคลมในปีที่ผ่านมาเราก็ขอใช้ส่วนลดประกันกลุ่มซึ่งจะได้ส่วนลดถึงคันละ 10% เลยทีเดียว.
 
5.ใช้ส่วนลดด้วยการขอลดทุนประกัน.
วิธีนี้อาจเหมาะกับช่วงที่เงินขาดมือจริงๆ เพราะโดยปกติประกันชั้นหนึ่งจะคิดทุนประกัน ใกล้เคียงกับมูลค่ารถ. หากรถเราประเมินทุนประกันไว้ 700,000 บาทเราขอลดลงเหลือ 500,000 บาท เบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะลดลงด้วย แต่หากเกิดอุบัติเหตุหนักจริงๆ ความคุ้มครองอาจจะไม่เพียงพอกับความเสียหาย อันนี้เราก็ต้องยอมรับนะครับ.
 
6.ใช้ส่วนลดจากการขอลดความคุ้มครองบางอย่าง.
หากเราประเมินแล้วว่าความเสี่ยงบางอย่างมันต่ำมาก เช่นรถเราจอดในที่ปลอดภัยเสมอ หรือ บ้านเราไม่มีโอกาสน้ำท่วม อันนี้ก็อาจขอลดความคุ้มครอง รถสูญหาย หรือน้ำท่วม เพื่อแลกกับเบี้ยที่ลดลงได้กับบริษัทประกันบางแห่งนะครับ.
 
7. เลือกประกันแบบ”ซ่อมอู่“.
หากเรารู้จักอู่ ที่มีฝีมือ ชำนาญงานซ่อม และไว้ใจได้ แล้วล่ะก็ วิธีนี้จะช่วยให้เราประหยัดเงินได้หลายพันบาท และถ้าอู่อยู่ใกล้ๆบ้าน ก็ยิ่งดีไม่ต้องขับไปที่ศูนย์ซ่อมที่อยู่ไกลบ้านให้เสียเวลา.
 
8.ขอส่วนลดจากการติดกล้องหน้ารถ.
หากเราติดกล้องหน้ารถ เราก็จะได้ส่วนลดนี้ ราวๆ 5-10% เลยทีเดียว ลองหามาติดกันดูนะครับ.
 
9.ใช้ส่วนลดข้าราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ.
บริษัทประกันบางแห่งจะมีส่วนลดเบี้ยให้กับข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ หากเราเป็นคนกลุ่มนี้เราก็มีสิทธิ์เลือกใช้ส่วนลดนี้ได้ 15-50% เลยทีเดียว.
 

10.เลือกทำประกันชั้น 2+ , 3+ , ชั้น 2 หรือ 3.

หากมั่นใจในฝีมือการขับรถตนเองมากขึ้น เช่นขับมาเป็นเวลา 7 ปี หรือ10 ปี ไม่มีอุบัติเหตุ รถก็มีอายุมากขึ้น มูลค่ารถก็ลดลง เราก็สามารถเลือกทำประกันแบบอื่นๆที่ความคุ้มครองลดลง และเบี้ยก็ถูกลงด้วย อันนี้ก็เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละคนครับ.

ประเภทการรับ ประกันภัย รถยนต์

11.ใช้ส่วนลดจากการสมัครสมาชิกกับโบรกเกอร์

บางโบรกเกอร์เพียงเราสมัครสมาชิกก็ได้ส่วนลดเบี้ยแล้ว อย่างน้อยๆก็ 5% ลองค้นหาโบรกเกอร์แบบนี้ใน

เวปกันดูนะครับจะได้ประหยัดเงินกัน.

 

12.สมัครเป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย.
แค่สมัครเป็นตัวแทนหรือสมัครเป็นนายหน้าประกันภัย เราก็มีสิทธิ์ได้รับค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทประกันสูง1-3 พันบาท โดยเสียค่าต่ออายุใบอนุญาตนายหน้า แค่ 300 บาท ประหยัดได้ขนาดนี้ก็นับว่าคุ้มแล้วครับ
(แต่ก่อนจะได้บัตรนายหน้าก็คงต้องขยันอ่านหนังสือไปสอบใบอนุญาตกันก่อนนะ).
 
13.ส่วนลดจากการขับดี ไม่มีเคลม.
วิธีนี้เป็นวิธีที่ทุกคนต้องทำอยู่แล้ว เพราะถ้าขับรถดี มีวินัย รักษากฏจราจร และไม่เกิดอุบัติเหตุแล้วล่ะก็นอกจากจะปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ปีต่อๆไปก็จะได้ส่วนลดเบี้ยลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่20%ในปีที่ 2 และลดลงไปจนถึง 50% ในปีที่5 ซึ่งก็ทำให้เราประหยัดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว.
 

การขับรถมีความเสี่ยง ความรู้ทำให้ความเสี่ยงลดลง

ที่สำคัญความรู้ยังทำให้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้ด้วย.

ขอให้ทุกคนขับขี่ด้วยความปลอดภัยนะครับ.