ทำไมประเทศที่เจริญแล้วพัฒนาแล้ว **เขาถึงสนับสนุนให้ประชากรเขาทำ “ประกันชีวิต”

ลองนึกภาพตามนะครับ

ระยะหลายปีมานี้ “#คนสูงอายุเพิ่มขึ้น”
สืบเนื่องมาจาก คนที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ>สูงอายุแล้ว (อายุ 35 – คนชรา)
**คนกลุ่มนี้จะเป็นคนกลุ่มสุดท้าย ที่มีจำนวนมาก
**คนวัยทำงานกลุ่มนี้คือกลุ่มสุดท้ายที่จะอยู่ในระบบสวัสดิการประกันสังคม
(อ้างอิงจากผลงานวิจัยของ TDRI)
**คนกลุ่มวัยทำงานกลุ่มนี้ ในปี 2580 คนกลุ่มนี้จะเริ่มเกษียณ และเริ่มเข้าสู่วัยชรา
**สังเกตได้จาก จะมีสถานรับดูแลคนชรา มีมากขึ้นเรื่อยๆ (แต่จะมีได้ไม่นานนัก)
**คนกลุ่มวัยทำงานกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะ “จ่ายเงินเข้าระบบประกันสังคมได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย”
**เงินประกันสังคมจะทะยอยถูกนำมาเบิกจ่ายให้กับคนกลุ่มนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นเงินของพวกเขาที่พวกเขาจ่าย

ตัดภาพมาในระยะเวลาที่ผ่านมา อาจจะไม่ถึง 20 ปีมานี้
**อัตราการเกิดของประชากร “น้อยลงมาก” เหตุผลเพราะ
1.คน Gen ใหม่มองถึงเรื่องจำนวนการมีลูก มีลูกเยอะภาระเยอะ มีลูกน้อยภาระน้อย ไม่มีลูกเลยไม่มีภาระ
2.คน Gen ใหม่ มีเสรีภาพทางสถานะความสัมพันธ์ุ มากขึ้นเรื่อยๆ
>> หญิงกับชาย > น้อยลง
>> หญิงกับหญิง > มากขึ้น
>> ชายกับชาย > มากขึ้น
>> หย่าร้าง แม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อเลี้ยงเดี่ยว > มากขึ้น

#ส่งผลให้อัตราการมีลูกน้อยลง
#อัตราการเกิดน้อยกว่าการเสียชีวิต

**คนวัยเรียนที่กำลังจะจบ เพื่อไปทำงาน จะน้อยลงเรื่อยๆ
**หลายๆบริษัทฯจะถูกปิดตัวเองลงเรื่อยๆ
**แนวโน้ม บริษัทฯ จะใช้เทคโนโลยีมาแทนคน มากขึ้นเรื่อยๆ
**พอจำนวนคนทำงานลดลงเรื่อยๆ ทำให้จำนวนคนที่จะส่งเงินเข้าประกันสังคมจะน้อยลงเรื่อยๆตาม
**มีการคาดการณ์จากงานวิจัยของ TDRI ว่า ประมาณปี 2580 #ระบบประกันสังคมอาจจะไม่มีแล้ว
**คนที่จะเข้าโรงเรียนจะเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ (ส่งผลให้โรงเรียนจะเริ่มปิดตัวลง เริ่มจากโรงเรียนขนาดเล็กๆ ไปเรื่อยๆ

**พอคนวัยทำงานน้อยลง >> คนจ่ายเงินเข้าประกันสังคมก็น้อยลงตาม >> เงินประกันสังคมเริ่มน้อยลง
>> เป็นการยากที่จะบริหารจัดการเรื่องสวัสดิการต่างๆของรัฐบาล
#คำถามคือจะเป็นยังไงต่อไป
#จินตนาการเล่นๆกันเอง

ทำไมประเทศที่เจริญแล้วพัฒนาแล้ว เขาถึงสนับสนุนให้ประชากรเขาทำ ประกันชีวิต

#ทำไมประเทศที่เจริญแล้วพัฒนาแล้ว
**เขาถึงสนับสนุนให้ประชากรเขาทำ “#ประกันชีวิต
**หลายๆประเทศอัตราเฉลี่ยการทำประกันชีวิตของประชากร
>>>เกิน 100% หมายถึง ประชากรทุกคน มีประกันชีวิต
>>>หลายประเทศ ประชากรทำประกันชีวิต เกิน 300 % หมายถึง 1 คน จะมี ประกันชีวิตเกิน 3 เล่ม

เหตุผลคือ
**รัฐบาลโยนความเสี่ยง เรื่องการรักษาพยาบาล เงินเยียวยากรณีเสียชีวิต “ของประชากรเขา” ให้บริษัทประกัน
**รัฐบาลไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ หรือ ไม่อยากแบกรับภาระในส่วนนี้อีกแล้วนั่นเอง
จึงโยนภาระมาไว้ที่บริษัทประกัน
**รัฐบาลเขายึดอกยอมรับว่า การดูแล การรักษาพยาบาล การบริการ คุณภาพสูงกว่า ดูแลได้ดีกว่า ที่รัฐบาลจะเป็นคนบริหารจัดการ
**นวัตกรรมทางการแพทย์ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ค่ารักษาพยาบาลก็สูงขึ้นตาม
**ขณะเดียวกัน “โรคอุบัติใหม่” ก็รุนแรง และรักษายากขึ้นตาม

# ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะเชื่อข้อมูลนี้
# ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะต้องทำประกันชีวิต
“ ผมแค่คาดหวังว่า เราจะต้องคิดเตรียมหาวิธีบางอย่าง เพื่อเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้ทันท่วงที”

#ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดีจากใจจริงครับ
#คุณและคนที่คุณรักต้องได้ทำประกันชีวิต
#อย่าล้อเล่นกับชีวิต
#ให้ผมได้ดูแลคุณและคนที่คุณรัก

#ด้วยความจริงใจครับ
*เลือกทำประกันที่จำเป็นก่อน
*ค่อยๆสะสม ค่อยๆทำไปเรื่อยๆ ตามกำลังตัวเอง
*อย่างน้อยๆ ควรที่จะมีประกันอุบัติเหตุไว้ สักกรมธรรม์ ก็ยังดี
*พอมีกำลังค่อยทำประกันสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล วางแผนเก็บเงิน วางแผนเกษียณ