ทำไมประกันถึงสำคัญ?

#ลูกค้าน้อยคนที่จะรู้

**พอลูกค้ารู้ทีหลัง ถึงกับงง เคยสงสัยมั้ยว่า
>>ทำไมเบี้ยที่ส่งไปทำไมสูงขึ้นทุกปี
>>ไหนบอกว่าเบี้ยคงที่ไง?
>>ไหนบอกว่าส่งแค่ 20 ปีไง แล้วทำไมยังต้องส่งเบี้ยต่อไปอีก
>>ไหนบอกทำประกันแล้วเข้ารักษาได้ทุกโรงพยาบาลไง?
>>ทำประกันแล้วทำไมต้องสำรองจ่ายอีก แล้วจะทำเพื่ออะไร?
>>ทำไมถึงต้องมีค่าห้องเท่านั้น เท่านี้ มันต่างกันยังไง?

วันนี้จะมาลงรายละเอียดให้ทุกคนอ่านครับ
เผื่อเป็น #ข้อมูลก่อนการตัดสินใจทำประกัน ครับ

#ไขข้อสงสัยที่1.
#คุณลูกค้ารู้หรือยังว่า

>>มีเพียง แบบประกัน แบบออมทรัพย์ กับแบบประกันชีวิตหลักเท่านั้น ที่ #เบี้ยคงที
>>การพ่วงแบบประกันอื่นๆ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายวัน ประกันสุขภาพ ค่าห้อง โรคร้ายแรง หรือแม้แต่ประกันอุบัติเหตุบางประเภท #เบี้ยเพิ่มทุกปีไม่ได้คงที่ เช่น
**หากคุณซื้อ #แบบประกันชีวิตหลัก (#ตัวเลขสมมุติ) ที่ทุน 200,000 เบี้ยประมาณ 6-8 พัน แล้วพ่วง #สัญญาเพิ่มเติม เช่น ค่ารักษาพยาบาล+ค่าห้อง 2,500 +ชดเชยรายวัน วันละ 1,000 +โรคร้ายแรง ทุน 500,000 + อุบัติเหตุ ทุน 500,000

**สมมุติตัวเลขที่ต้องจ่ายเบี้ยรวม 35,000 ต่อปี
**ในสัญญาระบุไว้ ส่ง 20 ปี

#คุณลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า
>>จะต้องจ่ายเบี้ย 35,000 ต่อปี(เบี้ยคงที่) จำนวน 20 ครั้ง(ปี)
>>หลังจากจ่ายเบี้ยครบ 20 ครั้ง(ปี) จะไม่ได้จ่ายเบี้ยต่อ และคุ้มครองจนครบสัญญา เช่น 90,99 ปี

#ซึ่งคุณลูกค้าเข้าใจผิด
#จะมีตัวแทนกี่คนที่จะอธิบายหรือบอกลูกค้าให้เข้าใจ
>>ในส่วนเบี้ยประกันที่คงที่จะมีแค่ #ประกันชีวิตสัญญาหลัก เท่านั้น คือ ยอด 6-8 พัน
>>ส่วนแบบประกันเพิ่มเติมหรือสัญญาพ่วงเบี้ยประกันจะไม่คงที่ จะปรับเพิ่มขึ้นทุกๆปี จาก ปีแรก ชำระเบี้ย 35,000 ในปีที่ 15-16 เบี้ยรวมที่ต้องจ่าย อาจขึ้นไปแตะที่ 5-6 หมื่น เลยนะ
>>และที่สำคัญ “แบบประกันเพิ่มเติมหรือสัญญาพ่วงบางตัว”หลังจากจ่ายเบี้ยของแบบประกันชีวิตสัญญาหลักครบ 20 ครั้ง(ปี) แล้ว #ลูกค้ายังคงต้องชำระเบี้ยต่อไปจนครบระยะเวลาที่คุ้มครองเลยและเบี้ยจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
(**ตัวแทนที่ดูแลคุณลูกค้าได้บอกคุณลูกค้ามั้ย?)

#ไขข้อสงสัยที่2
“ คุณลูกค้ารู้หรือยังว่า”

#ที่มีการโฆษณาว่าสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั้งรัฐบาลและเอกชนได้ทุกแห่ง

>>ตัวแทนที่ดูแลคุณลูกค้าได้บอกคุณลูกค้ามั้ยว่า <<

#ไม่จริง
>> คุณลูกค้ารู้ใช่มั้ยว่า
บริษัทประกันแต่ละบริษัท จะมี “การดิวกับโรงพยาบาลไว้ “
โรงพยาบาลไหนเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม ศักยภาพในการรักษาพร้อม บุคลากรทางการแพทย์เก่งๆ และที่สำคัญ คือ #ตกลงรับเงื่อนไข(ผลประโยชน์ต่างรับ) กันได้ระหว่าง
บริษัทประกันและโรงพยาบาล #ซึ่งไม่มีทางที่จะครอบคลุมครบทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ แน่นอน

# แม้แต่โรงพยาบาลที่รับประกันสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ ตัวแทนที่ดูแลคุณลูกค้าได้บอกคุณลูกค้ามั้ยว่า
“ ไม่ใช่ทุกแบบประกันที่ลูกค้าทำไว้ โรงพยาบาลนั้นจะรับการรักษาพยาบาลด้วย “ ทำประกันแบบนี้ โอเคร รักษาได้ ,ทำประกันแบบนี้ ทางโรงพยาบาลไม่รับการรักษา ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลเดียวกัน

**นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมตัวแทนถึงต้องถามลูกค้าว่า “ปกติลูกค้าเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลอะไร ที่ไหน “ เพื่อที่ตัวแทนจะได้เช็คข้อมูลว่า หากทำประกันแบบนี้ จะเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลที่ลูกค้าเข้าประจำได้มั้ย?

#ไขข้อสงสัยที่3
“ #ทำไมทำประกันแล้วยังต้องสำรองจ่ายอีก “
“ ตัวแทนที่ดูแลคุณลูกค้าบอกคุณลูกค้ามั้ยว่า”

>>ไม่ใช่ทุกแบบประกันที่ทำแล้วไม่ต้องสำรองจ่าย
>>มีบางแบบประกันเท่านั้นที่ไม่ต้องสำรองจ่าย
>>ส่วนใหญของแบบประกันที่ไม่ต้องสำรองจ่าย คือแบบประกันแบบเหมาจ่าย หรือแบบประกันที่คุ้มครองสูงๆ(บางแบบประกัน)
>>แม้แต่แบบประกันที่ระบุเรื่องครอบคลุม OPD บางแบบประกันยังต้องสำรองจ่ายแล้วมาเบิกคืนทีหลังนะครับ
>>ยังมีเงื่อนไขอีกเยอะที่ลูกค้าควรทำความเข้าใจครับ

#ไขข้อสงสัยที่4
#ทำไมต้องมีค่าห้องเท่านั้นเท่านี้

>>การมีตัวเลือกให้ลูกค้าเลือกค่าห้องนั้น จะอิงตามโรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลเอกชน ซะส่วนใหญ่
>>เพราะโรงพยาบาลเอกชน จะมีการแบ่ง
**การบริการออกเป็นหลายระดับ
**ขั้นตอนและวิธีการรักษาพยาบาล
**เกรดของตัวยาที่ใช้ในการรักษา
**ความสะดวกสะบายของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย
**ระดับของบุคลากรทางแพทย์ ที่รักษา ที่มาตรวจอาการ เยี่ยมไข้ ต่างๆ
#ให้ลูกค้าเข้าใจง่ายๆครับว่า
>>ค่าห้องแพง ทำแบบประกันไว้สูงๆ เหมาจ่ายสูงๆ
>>คุณลูกค้าจะได้รับการบริการอย่างดี การรักษาพยาบาลอย่างดีเยี่ยม ตัวยาที่ใช้รักษาอย่างแพง นอนห้องเหมือนโรงแรมระดับ5 ดาว การบริการระดับ VIP กันเลย
>>และการรักษาจะลดหลั่นลงมาเรื่อยๆ
>>จะใช้คำว่ารักษาตามงบ ก็ไม่ผิดเพี้ยนมากมายนัก

หวังใจไว้ครับว่าข้อมูลเหล่านี้จะพอมีประโยชน์กับลูกค้าบ้างไม่มากก็น้อยครับ

#จากใจตัวแทนประกันชีวิตธรรมดาๆคนหนึ่งครับ

#การเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ดีไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นได้
#และการเป็นตัวแทนประกันชีวิตที่ดีไม่ใช่ว่าเราจะเป็นไม่ได้

#อย่าให้สิ่งที่คุณสร้างมาทั้งชีวิตสูญเปล่า
#อย่าให้เงินที่คุณเก็บมาต้องมาเสี่ยงกับความไม่แน่นอน
#ด้วยรักและห่วงใยจริงๆครับ

การทำประกันชีวิตนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของลูกค้าเอง