ทำไมประกันถึงสำคัญ?

เคยมีคำถามมั้ยครับว่า
อยากทำประกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำประกันแบบไหนดี ถึงจะเหมาะกับตัวเอง และได้รับผลประโยชน์มากที่สุด คุ้มค่าจริงๆ”

วันนี้ผมจะมาแชร์ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กันครับ

ก่อนอื่นเลยอยากให้นึกภาพตามนะครับ
ปกติวงจรชีวิตคนเราจะเป็น
*เกิด >> แก่ >> เจ็บ >> ตาย.
แต่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว มีอยู่ 2-3 อย่างที่เกิดขึ้นได้เสมอทุกช่วงเวลา ไม่สามารถคาดเดาได้คือ “ความเจ็บป่วย,อุบัติเหตุ และความตาย” ดังนั้น ในโลกของความเป็นจริง วงจรชีวิตคนจึงเป็น
**เกิด >> (เจ็บป่วย,อุบัติเหตุ) >> ตาย >> แก่ >> (เจ็บป่วย,อุบัติเหตุ) >> ตาย
เมื่อเข้าใจวงจรชีวิตคนเราคร่าวๆแล้ว เรามาดูกันต่อ

1.#แรกเกิดเลย
เด็กวัยนี้ตั้งแต่แรกเกิดเลยจะมีภูมิคุ้มกันค่อนข้างน้อย ร่างกายยังอ่อนแอมาก ยังต้องการการดูแลเอาใจใส่ แบบทะนุถนอมมาก
*มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะติดโรคต่างๆได้ง่าย และเด็กหลายคนจะมีอาการรุนแรงมาก สังเกตง่ายๆจากการไปหาหมอบ่อยมาก
*ที่สำคัญเลยเด็กยังพูดไม่ได้ บอกพ่อกับแม่ไม่ได้ว่าเป็นอะไร เจ็บตรงไหน พ่อกับแม่ได้แต่หมั่นสังเกตอาการ
>> เด็กวัยนี้เหมาะที่จะทำ “#ประกันสุขภาพ และ #ประกันแบบคุ้มครองชีวิต”มากที่สุด
และถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ทำ”#ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย” จ่ายเบี้ยสูงหน่อย แต่ครอบคลุมค่ารักษา และโรคต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้
**•• โรคภัยต่างๆ ในปัจจุบันค่อนข้างที่จะรุนแรง ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ
**•• วิวัฒนาการทางการแพทย์ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น ก็จริง แต่ “ค่ารักษาพยาบาล”ก็แพงขึ้นตามเป็นเงากันไป

>> ถ้าพ่อกับแม่มีตังค์หน่อย หรือพอมีกำลัง แนะนำให้ทำ “#ประกันแบบสะสมทรัพย์”ไว้เลย ซึ่งประกันแบบสะสมทรัพย์จะมีระยะเวลา 5,10,15,20,25,30 ปี แล้วแต่จะเลือก
**•• เพื่อเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับลูกในอนาคตไว้เลย

2. #เด็กวัยกำลังซนถึงวัยรุ่น
เด็กวัยนี้กำลังเล่น กำลังฝึกเรียนรู้ กำลังซน
*มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เด็กบางคนถึงขั้นแขนหัก ขากัก กันเลย
*เด็กวัยนี้ก็ยังมีโอกาสเสี่ยง เป็นโรคต่างๆได้ง่าย
>> เด็กวัยนี้เหมาะที่จะทำ “#ประกันสุขภาพ,#ประกันอุบัติเหตุ,#ประกันแบบคุ้มครองชีวิต”มากที่สุด

>> ถ้าพ่อกับแม่มีตังค์หน่อย หรือพอมีกำลัง แนะนำให้ทำ “#ประกันแบบสะสมทรัพย์”ไว้เลย ซึ่งประกันแบบสะสมทรัพย์จะมีระยะเวลา 5,10,15,20,25,30 ปี แล้วแต่จะเลือก
**•• เพื่อเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับลูกในอนาคตไว้เลย

3. #วัยรุ่นถึงวัยกำลังเรียน
เป็นวัยกำลังโต อยู่ในวัยที่หัวเรี่ยวหัวต่อ กำลังอยากรู้ อยากลอง ติดเพื่อน ทำอะไรแผลงๆ
*มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จากการขับขี่รถจักรยานยนต์บาดเจ็บจากการชกต่อย การทะเลาะวิวาท ต่างๆ
*เด็กบางคนเริ่มสูบบุหรี่ กินเหล้า ยาเสพติดต่างๆ ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรงต่างๆได้
>> เด็กวัยนี้เหมาะที่จะทำ “#ประกันสุขภาพ,#ประกันอุบัติเหตุ,#ประกันแบบคุ้มครองชีวิต,#ประกันโรคร้ายแรง
มากที่สุด

>> #ผลพวงจากที่พ่อกับแม่วางแผนทำ“#ประกันแบบสะสมทรัพย์”ไว้ ก็ได้ใช้เงินจากการทำประกันไว้เป็นทุนการศึกษาตามที่ลูกต้องการได้ บางคนเรียนต่อปริญญาตรี-โท-เอก ก็ตามแต่ที่ลูกอยากเรียน
**•• พ่อกับแม่บางคนที่พอมีกำลัง ก็จะทำ #ประกันแบบสะสมทรัพย์
•• เพื่อวางแผนเกษียณไว้ให้ลูกเลย หรือ วางแผนเกษียนให้กับตัวเองใว้ใช้หลังเกษียณอายุเพื่อจะได้ไม่ลำบากลูกๆ เพราะลูกๆก็จะแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง มีภาระของตัวเองต่อไป
** เพื่อไว้เป็นมรดกให้กับลูกๆ ต่อไปในอนาคตไว้เลย

อยากทำประกันชีวิตแต่จะทำแบบไหนดี อยากทำประกันชีวิตแต่ไม่รู้ว่าแบบไหนคุ้มหรือไม่คุ้ม

4.#วัยทำงาน
วัยนี้เข้าสู่วัยที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เรียนจบ มีงานทำ วัยนี้เริ่มเข้าสู่ระบบประกันสังคม เริ่มหาเงินได้เอง เริ่มเสียภาษีก็วางแผนภาษี
*หลายคนมีความรู้ด้านการลงทุน ก็จะลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่นหุ้น พันธบัตร ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ
*หลายคนก็เริ่มทำ #ประกันชีวิต ,#ประกันโรคร้ายแรง ไว้ให้ตัวเอง ให้กับพ่อกับแม่
*หลายคนเริ่มทำ,#ประกันแบบสะสมทรัพย์ ไว้เผื่อสร้างบ้าน ซื้อที่ทาง เผื่อวางแผนแต่งงาน ไว้ให้ตัวเอง

5.#วัยสร้างครอบครัว
จากเด็กน้อยที่พ่อกับแม่เฝ้าถนอม เฝ้าฟูมฟักมา มาถึงตอนนี้ลูกเป็นวัยที่พ่อกับแม่เริ่มหมดห่วง พ่อกับแม่ก็เริ่มแก่ชราลง พ่อกับแม่ร่างกายก็เริ่มอ่อนแอลง พ่อกับแม่ก็หวังพึ่งพาลูกๆของตัวเอง
พ่อกับแม่เริ่มเกษียณตัวเองแล้ว
*ถ้าพ่อกับแม่วางแผนไว้ไม่ดี ช่วงนี้คนเป็นพ่อแม่จะลำบากมาก
เพราะไม่ได้ทำงานแล้ว ไม่มีเงินเดือนแล้ว อาจจะได้เงินบำนาญมาก้อนนึงไว้ใช้
*ลูกๆก็แต่งงาน มีลูกๆ มีครอบครัวของตัวเองที่ต้องดูแล
*จากที่เคยเป็นลูกๆตอนนี้กลายเป็น “พ่อ-แม่ คนแล้ว”
#ก็เริ่มวางแผนชีวิตแต่ช่วงกันใหม่ เหมือนกับพ่อแม่ที่วางแผนไว้ให้

6.#ในส่วนของพ่อกับแม่ก็ร่วงโรยไปตามสังขาร ตายไป
#ในส่วนของลูกตอนนี้เป็นพ่อเป็นแม่คนก็เริ่มวางแผนให้ลูกใหม่
*ช่วงนี้ถ้าพ่อกับแม่วางแผนมรดกไว้ให้ลูกๆ ก็จะเป็นช่วงที่ได้รับมรดกที่พ่อกับแม่ทำไว้ให้ ไม่ลำบาก และมีชีวิตที่ดีต่อไป
*ช่วงนี้ถ้าไม่มีการวางแผนทำประกันในแต่ละช่วงไว้ พอพ่อกับแม่จากไป ก็ลำบาก

#เอาพอเห็นภาพพอนะครับ
#ผมไม่ใช้คำพูดที่เข้าใจยาก อยากสื่อให้เห็นแบบเข้าใจง่ายๆนะครับ

ทีนี้ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนที่ได้อ่านคงพอเห็นภาพรวมคร่าวๆ และพอมองเห็นเป็นกรณีศึกษาได้ และปรับเข้ากับตัวเองได้บ้างแล้วนะครับ

#ผมหวังใจใว้ครับว่าข้อมูลนี้อาจพอมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ