อยากทำประกันชีวิตแต่จะทำแบบไหนดี อยากทำประกันชีวิตแต่ไม่รู้ว่าแบบไหนคุ้มหรือไม่คุ้ม

ถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่า
#อยากทำประกันชีวิตแต่จะทำแบบไหนดี
#อยากทำประกันชีวิตแต่ไม่รู้ว่าแบบไหนคุ้มหรือไม่คุ้ม
#อยากทำประกันชีวิตแต่ไม่รู้จะปรึกษาใครดี
#อยากทำประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษีทำอย่างไร
#อยากลงทุนกับประกันชีวิตต้องทำอย่างไร
#อื่นๆ

บทความนี้จะช่วยคุณคลายข้อสงสัยได้ไม่มากก็น้อย

#คุณเข้าใจประกันชีวิตในแนวทางนี้หรือยัง?
**ประกันชีวิต หลักใหญ่ใจความ ก็คือ
#คุ้มครองชีวิตเป็นหลัก คือ
>>กรณีเสียชีวิต ประกันจะจ่ายสินใหมตามทุนที่ทำไว้ให้กับ”ผู้รับผลประโยชน์” เช่น พ่อทำไว้ หากพ่อตาย ระบุให้ลูกเป็นผู้รับผลประโยชน์ บริษัทประกันก็จะจ่ายสินไหมในชื่อลูกที่ระบุไว้ เป็นต้น
“คนทำไม่ได้ใช้คนที่ใช้ไม่ได้ทำ”
>>กรณีอยู่ครบสัญญา ไม่เสียชีวิต หากอยากปิดกรมธรรม์เอาเงินตามทุนที่ทำไว้ออกมาใช้จ่ายก็สามารถทำได้ หรือไม่อยากปิดกรมธรรม์จะเก็บไว้เป็นทุนหรือมรดกให้ผู้รับผลประโยชน์ก็สามารถทำได้ (กลุ่มประกันแบบเงินออม หรือสะสมทรัพย์ ต่างๆ )

2.ถ้าหากคุณกลัวว่า #ถ้าเกิดอุบัติเหตุ ละ เพราะอุบัติเหตุเราไม่รู้ล่วงหน้า เกิดได้ตลอดเวลา
**ต้องเข้าใจก่อนว่าเกิดอุบัติเหตุหลักๆ จะมีอยู่ 3 ระดับ คือ
>>ระดับไม่รุนแรง ถึงรุนแรง เช่น มีแผลต้องเย็บ แขนหัก ขาหัก
ต้องผ่าตัด ผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ ต่างๆเป็นต้น
>>ระดับรุนแรงมาก ถึงขั้น พิการ แขนขาด ขาขาด ตาบอด นอนเป็นผัก ติดเตียง ทุพพลภาพถาวร ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นต้น
>>เสียชีวิต อาจจะไม่ทันที คาที่ ถึงโรงพยาบาลแล้วเสียชีวิต เป็นต้น
#คุณก็ทำประกันอุบัติเหตุคุ้มครองเพิ่มได้
>ให้สังเกตความคุ้มครองถึงไหน แค่ไหน เช่น
*ถัาไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เย็บแผล ล้างแผล แล้วกลับ (opd)
คุ้มครองมั้ย? ใครจ่าย คุณจ่ายเอง หรือสำรองจ่ายก่อนค่อยมาเบิกคืนทีหลังหรือบริษัทประกันจ่าย อื่นๆ
*ถ้าต้องผ่าตัด ผ่าตัดแบบไหนที่เรียกว่าผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่
ส่วนเกินคุณจ่ายเอง หรือบริษัทจ่ายให้ทั้งหมด เป็นต้น

#ระหว่างที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล
>>คุณเป็นห่วงเรื่องรายได้มั้ย?
*ถ้าไม่เป็นห่วงส่วนนี้ก็ไม่ต้องทำประกันแบบชดเชยรายได้เพิ่ม
*ถ้าเป็นห่วงก็ทำประกันแบบชดเชยรายได้เพิ่ม แล้วแต่ว่าจะทำชดเชยวันละเท่าไหร่ 500,1000,2000 ฯลฯ ต่อวัน เป็นต้น
(เป็นค่าเสียโอกาสเสียเวลา หารายได้ ทั้งคนป่วยและคนมานอนเฝ้า)

อยากทำประกันชีวิตแต่จะทำแบบไหนดี อยากทำประกันชีวิตแต่ไม่รู้ว่าแบบไหนคุ้มหรือไม่คุ้ม

#ข้อสังเกต
1. ประกันชีวิตแบบปกติ คือหากเสียชีวิตทุกกรณี บริษัทประกันจ่ายสินไหมให้ตามทุนที่ทำไว้
2. หากทำประกันอุบัติเหตุ “เพิ่ม” บริษัทประกัน จะจ่ายสินไหมกรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ “เพิ่มตามทุนประกันอุบัติเหตุ”ที่ทำไว้ เพิ่มเติมให้จากข้อ 1.
สมมุติ
>ทำประกันแบบปกติคือคุ้มครองเสียชีวิตทุกกรณีไว้ 500,000 บาท
>ทำประกันอุบัติเหตุ คุ้มครองกรณีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไว้ที่
1,000,000 บาท
หากเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ อาจจะรถชน ลื่นล้มหัวฟาดพื้นตาย บริษัทประกันจะจ่ายสินไหมให้ทั้งหมดที่ 1,500,000 บาท เป็นต้น

3.หากคุณกลัวจะเป็นมะเร็ง ไตวาย หลอดเลือดสมอง โรคร้ายแรงอื่นๆ อีกประมาณ 44 โรค ,62 โรค หรือบางบริษัทคุ้มครองมากกว่า แล้วเสียชีวิต คุณก็ทำ #ประกันโรคร้ายแรงเพิ่ม
ทุนประกันส่วนนี้ที่ทำไว้หากเสียชีวิตจากการเป็นโรคร้ายแรง บริษัทประกันก็จะจ่ายสินไหมเพิ่มให้ตามทุนที่ทำไว้

ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกเยอะมากครับซึ่งเป็นผลประโยชน์ของลูกค้าทั้งนั้น

#อยากทำประกันเพื่อลดหย่อนภาษี
แนวความคิดแบบนี้ไม่ผิดนะครับ แต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะว่า
>อย่างที่บอกครับหลักใหญ่ใจความของประกันชีวิตคือ คุ้มครองชีวิต
>การที่ทำประกันแล้ว สามารถลดหย่อนภาษีได้
*เป็นเพียงสิ่งที่ลูกค้าจะได้สิทธิ์ เพิ่มขึ้นมา
*เหมือนกันกับที่คุณมีบุตร ก็นำมาลดหย่อนภาษีได้
*เหมือนกันกับที่คุณมีพ่อแม่อายุอยู่ในเกณฑ์ นำมาลดหย่อนภาษีได้
*เหมือนกันกับการบริจาคเงินบางประเภทแล้วนำมาลดหย่อนภาษีได้ ฯลฯ
#สิง่ที่คุณจะได้เพิ่มเติมนอกจากลดหย่อนภาษีได้คือ
“#ความคุ้มครองชีวิต”

*หลายคนมีรายได้ต่อปีมากมายแบบใช้จ่ายไม่หวาดไม่ไหว ถึงขั้นเศรษฐีรวยมาก มีรายได้มากก็ต้องจ่ายภาษีทิ้งมากเช่นกัน บางคนเสียภาษีปีละหลายหมื่นหลายแสน บางคนเสียภาษีเป็นล้าน
#เสียดายเงิน ก็เลือกที่จะมาทำประกันไว้
#แทนที่จะจ่ายภาษีทิ้ง เอาเงินที่จ่ายภาษีมาซื้อความคุ้มครองให้ตัวเอง ครอบครัว คนที่เรารักดีกว่า

#อยากลงทุนกับประกันชีวิต หรือที่เรียกว่า #ประกันควบการลงทุน นั่นล่ะครับ
เหมือนเดิมครับ ประกันชีวิตหลักใหญ่ใจความก็คือประกันชีวิต
>>ไม่มีคำว่าคุ้มค่า กำไร หรือขาดทุน หากคุณเข้าใจ #ประกันชีวิต
>>บริษัทประกันต้องการดึงกลุ่มนักลงทุน ที่ลุงทุนกับการฝากเงินกับธนาคารกินดอกเบี้ย ลงทุนกับตลาดหุ้น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ต่างๆ ให้เข้ามาลงทุนในประกันชีวิต โดยมีการดึงรูปแบบ หรือลักษณะการลงทุนที่ใกล้เคียงมา เช่น ลูกค้าสามารถ โยกเงินมาลงทุนในหุ้นได้ โดยบริษัทประกัน คัดหุ้น SET100,SET50 หุ้นตัวท็อปมาไว้ให้ ลูกค้าสามารถ สลับ สับ เปลี่ยน จำนวนเงินลงทุนเหมือนลูกค้าเล่นหุ้นเองได้เลย เป็นต้น
#สิ่งที่คุณจะได้นอกจากการใช้ฝีมือความรู้ความสามารถของตัวเองเกร็งกำไร คือ #ความคุ้มครองชีวิต

#การลงทุนกับชีวิตของคุณเองไม่มีคำว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
#ความรักที่คุณมีให้กับคนที่คุณรักมันวัดเป็นความคุ้มหรือไม่คุ้มไม่ได้

**การใช้สิทธิ์ประกันสังคม สิทธิ์บัตรทอง 30 บาท
>>เป็นสิทธิ์ที่คนส่วนใหญ่ใช้อยู่แล้ว
>>มาตรฐานการรักษาก็นับได้ว่าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน
>>ไม่ผิดที่คุณยังคิดว่า “มีสวัสดิการที่ดีของบริษัท”อยู่แล้ว
>>ไม่ผิดที่คุณยังคิดว่า “มีประกันสังคม”อยู่แล้ว
>>ไม่ผิดที่คุณยังคิดว่า “ใช้สิทธิ์บัตรทอง 30 บาทเอา” ก็ได้

ถ้าถามผม
>หากสวัสดิการของบริษัทดีอยู่แล้ว
ให้ผมทำประกันชีวิตเพิ่มผมก็ไม่ทำ
>หากประกันสังคมครอบคลุมทุกอย่างแล้ว
ให้ผมทำประกันชีวิตเพิ่มผมก็ไม่ทำ
>หากบัตรทอง 30 บาท มีมาตรฐานการรักษาที่ดีอยู่แล้ว
>ให้ผมทำประกันชีวิตเพิ่มผมก็ไม่ทำ

แต่ทำไม?
>>เดวิดเบคแฮม รวยระดับหลายพันล้าน เขาไม่น่าจะต้องกังวลอะไร รวยเบอร์นั้น ยังทำประกันแข้งตัวเองไว้ เป็นพันล้าน
>>เจนนิเฟอร์ โลเปธ นักร้องสาวรวยระดับโลก มีเงินหลายพันล้าน ยังทำประกัน“ก้น” ตัวเองไว้ แล้วได้ใช้ประกันจริงๆ
>>นักธุรกิจที่รวยติดลำดับโลก #ทุกคนทำประกัน ไว้ทำไม?

#พวกเขากลัวอะไร?
#พวกเขากังวลเรื่องอะไร?

#ถึงเวลาที่คุณและคนที่คุณรักต้องมีประกันชีวิตแล้วหรือยัง?

#อย่าใช้เวลาเปรียบเทียบความคุ้มค่า ว่าที่โน่นดี บริษัทนี้ไม่มี อันนี้คุ้มครอง แบบนี้ไม่คุ้มครอง ตัวแทนคนไหนน่าไว้ใจ
คนนี้ไม่โอเคร คนนี้ดูแลไม่ดี ต่างๆเหล่านี้
#นานเกินไปนะครับ
บางคนเปรียบเทียบเป็นปีๆ ก็ยังไม่ได้ทำสักที จนตัวเองป่วยเข้าโรงพยาบาลก็มี กลายเป็นคนมีประวัติสุขภาพ ทำไม่ได้ก็มี

**ทุกบริษัทประกันมีมาตรฐานการรับประกันใกล้เคียงกัน เพราะมี คปภ. ควบคุมดูแลอยู่

#ผมไม่เคยเห็นคนที่ประกันไว้ แล้วจนลง
#ผมเห็นแต่คนที่ทำประกันแล้ว มีชีวิตที่ไม่ลำบาก ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ต่อได้ไว