POS คือ ระบบขายหน้าร้าน ชื่อเต็มของ POS คือ Point of sale ซึ่งหมายถึงจุดขายหรือจุดชำระเงินตรงแคชเชียร์ ซึ่งนำหลักการ ของเครื่องคิดเงิน (Cash Register) มาเขียนโปรแกรมพัฒนาบน คอมพิวเตอร์

POS คือ ระบบขายหน้าร้าน ชื่อเต็มของ POS คือ Point of sale ซึ่งหมายถึงจุดขายหรือจุดชำระเงินตรงแคชเชียร์ ซึ่งนำหลักการ ของเครื่องคิดเงิน (Cash Register) มาเขียนโปรแกรมพัฒนาบน คอมพิวเตอร์

 

แล้วเพิ่มเติมความสามารถต่างๆ ที่เครื่องเก็บเงินทำไม่ได้ เช่น สามารถตัดสต็อกได้ ดูความเคลื่อนไหวต่างๆของสินค้าหรือระบบสมาชิก ตลอดจนดูข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตซึ่งความ สามารถ เหล่านี้เครื่องเก็บเงินไม่สามารถทำได้ถึงแม้ว่า เครื่องเก็บเงินในปัจจุบันได้พัฒนารูปทรง ให้เหมือน คอมพิวเตอร์ บางยี่ห้อทำเป็นหน้าจอระบบสัมผัสได้ แต่ข้างในยังเป็นเครื่องเก็บเงินอยู่ คือไม่มี Harddisk ถึงจะเปลี่ยนรูปทรงอย่างไร ก็ไม่ใช้เครื่องคอมพิว เตอร์อยู่ดี Software การทำงานจะแตกต่างกัน

ระบบ POS ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1.ส่วนของโปรแกรม (Software) มีหน้าที่เก็บข้อมูล การขายและข้อมูลสต็อกเป็นหลัก โดยจะเก็บข้อมูล ทุกอย่างเกี่ยวกับการขายทั้งหมดเช่นข้อมูลของ สมาชิก ยอดซื้อสะสมของลูกค้า ที่มาใช้บริการใน แต่ละวัน

ประเภทของโปรแกรมเก็บเงินหน้าร้าน
แบบที่ 1 เป็นโปรแกรมเก็บเงินหน้าร้านโดยเฉพาะ ( POS หรือ Point of sale )โปรแกรมประเภทนี้จะ
ถูกออกแบบและพัฒนาโปรแกรมมาเพื่องานขายหน้าร้านโดยเฉพาะการทำงานจะง่ายและไม่ซับซ้อน มีความหยืดหยุ่นสูงกว่าเน้นการทำงานที่รวดเร็วใน การขาย วิธีสังเกตุของโปรแกรมประเภทนี้คือหน้าตาโปรแกรมจะสบายตาไม่เป็นตารางๆ ออกแบบ หน้าตาโปรแกรมให้ใช้งานง่ายจะไม่มีคำว่าลูกหนี้ เจ้าหนี้ หรือคำอื่นๆที่เป็นภาษาบัญชี จะมีไม่กี่บริษัทที่ทำโปรแกรม POS โดยเฉพาะ

โปรแกรม ขายหน้าร้าน jPOS ราคาถูก ช่วยงานขายสินค้าในร้าน 
โปรแกรม ขายหน้าร้าน jPOS ราคาถูก ช่วยงานขายสินค้าในร้าน

POS เหมาะสำหรับร้านค้าทั่วไป ที่เป็นเจ้าของคนเดียว หรือ เป็นนิติบุคคล ที่จ้างสำนักงานบัญชีภายนอก ทำบัญชี ส่งให้สรรพากรอีกที

แบบที่ 2 เป็นโปรแกรมบัญชี ที่มีส่วนของหน้าร้าน ( Accounting Software)
โปรแกรมประเภทนี้ จะใช้การหลักทำงานของโปรแกรมบัญชีทั้งหมดมาใช้กับงานขายหน้าร้านซึ่ง โปรแกรมเก็บเงินส่วนใหญ่ในตลาดเป็นแบบนี้ทำให้ มีความยุ่งยากในการใช้งานมากไม่คล่องตัวมีข้อ จำกัดเยอะ มีขั้นตอนในการใช้งานมาก วิธีสังเกตุ
ของโปรแกรมประเภทนี้ ดูได้จากคำว่า ลูกหนี้ , เจ้าหนี้ ,ใบเสนอราคาหรือระบบเช็คธนาคารเป็นต้น เหมาะสำหรับร้านค้าที่เป็นรูปบริษัทและทำบัญชีส่ง สรรพากรเองไม่เหมาะอย่างยิ่งกับบุคลธรรมดา หรือร้านค้าขนาดเล็กเพราะโปรแกรมถูกออกแบบ มาเพื่อให้มีการทำงานของหลายๆแผนกโดยเฉพาะ แผนกบัญชีที่ต้องนำข้อมูลทั้งหมดนี้ไปทำงบการ เงินส่งสรรพากรอีกที

ดังนั้นโครงสร้างของโปรแกรม จึงไม่เหมือนกัน วิธีการคิดและวิธีออกแบบโปรแกรมก็ต่างกันมาก เพราะแต่ละโปรแกรมถูกพัฒนาขึ้นมา มีจุดประสงค์ไม่เหมือนกัน

สรุปว่า ถ้าเราเปิด ร้านค้าทั่วไป เป็นบุคคลธรรมดา แนะนำให้ใช้โปรแกรมเก็บเงินหน้าร้านโดยเฉพาะ (POS)

ถ้าเปิดเป็นรูปบริษัท แต่จ้างสำนักงานบัญชีภายนอกทำงบส่งสรรพากร แนะนำให้ใช้โปรแกรม (POS)

ถ้าเปิดเป็นรูปบริษัท และ ทำบัญชีส่งสรรพากรเอง แนะนำให้ใช้โปรแกรมบัญชี ที่มีส่วนของหน้าร้าน

2.ส่วนของอุปกรณ์ (Hardware) ซึ่งประกอบด้วย
✳คอมพิวเตอร์ ( POS Terminal ) เป็นตัวประมวลผล ทุกอย่างเกียวกับโปรแกรม POS
✳จอภาพ ( Monitor ) ที่แสดงการทำงานของโปรแกรม อาจจะเป็นจอ LCD ปกติ หรือ Touch Screen ก็ได้
เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ (Slip Printer) มีหน้าที่พิมพ์ใบเสร็จรับเงินให้กับลูกค้า มีทั้งแบบความร้อน และ แบบหัวเข็ม
✳เครื่องอ่านบาร์โค้ด ( Barcode Scanner ) แบบ Laser มีหน้าที่อ่านรหัสแท่ง หรือ รหัสบาร์โค้ดของสินค้า
ลิ้นชักเก็บเงิน ( Cash Drawer ) สำหรับไว้เก็บเงินทอนให้กับลูกค้า จะทำงานเชื่อมกันกับ Slip Printer
✳จอแสดงราคา ( Customer Display ) จะแสดงราคา และ เงินทอนให้กับลูกค้า
✳อุปกรณ์ Hardware ไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมดแล้วแต่ธุรกิจ และ ความต้องการการ เช่น ร้านอาหาร ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ด เป็นต้น

 

โปรแกรมขายหน้าร้าน ,โปรแกรมขายสินค้า ,โปรแกรมpos ,โปรแกรมบาร์โค้ด ,โปรแกรมสต๊อกสินค้า ,โปรแกรมร้านค้าปลีก ค้าส่ง, 
ระบบร้านค้า,โปรแกรมstock,โปรแกรมคิดเงิน,ระบบร้านขายของ,ระบบขายหน้าร้าน,ระบบขายสินค้า,เครื่องpos,ระบบpos,ໂປແກມຊຳບາ,
ระบบสต๊อก,ระบบคิดเงิน,โปรแกรมร้านขายของชำ,ระบบstock,ระบบบาร์โค้ด,ໂປແກມຊຳບາ,ໂປແກມຮ້ານຂາຍເຄຶ່ອງຍ່ອຍ ແລະ ຂາຍສົ່ງ 

โปรแกรม อันดับ 1 ของไทย ที่มีร้านค้าใช้มากที่สุด กว่า 30,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และ มี User Login เข้าใช้งาน jPOS Online เกิน 120,000 User ต่อวัน

แสดงความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *