การเป็นวิชาชีพ ตัวแทนประกันชีวิต สิ่งสำคัญ คือ การเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ เห็นคุณค่าของการเป็นผู้ให้

ถ้าผมนำเสนอธุรกิจอีกโมเดลนึง
ธุรกิจแนวเติมเต็ม
เป็นการไปเติมเต็มให้กับคน
ไปทำให้คนทุกคนที่เราพูดคุยได้ร่ำรวยขึ้น ได้รับการยอมรับ รู้สึกมีความสุขมากขึ้น ทำให้ทุกคนอยู่อย่างสงบจิตสงบใจได้มากขึ้น
ไปทำให้ทุกครอบครัว อยู่อย่างมั่งคั่ง และมั่นคงขึ้น
ถ้าเราทำแบบนี้ เราเติมเต็มให้คนนะครับ
ทางตัวเงิน เราไม่รู้ว่าได้เท่าไหร่หรอกนะครับ
แต่ทางจิตใจ มีความสุขกว่าคนร่ำรวยพันล้านอีกด้วยซ้ำ

ถ้ามีภารกิจให้เราไปแจกทองคำ แจกใครก็ได้ ได้คนละ 1บาท จำนวน 1เส้น
1 สัปดาห์ ให้แจก 20 เส้น สามารถทำได้มั้ยครับ
ให้ไปแจก สัปดาห์ละ 20 เส้น ทำทั้งปี ยังทำได้เลย

ไม่ว่าผู้รับจะร่ำรวย มีชื่อเสียงมากแค่ไหน เราก็จะมีจิต กล้าไปแจก

แล้วมันต่างกันยังไง กับการไปพบลูกค้า เพื่อไปวางแผนการเงิน

เวลาเอาทองไปแจก เราไปในฐานะที่เป็นผู้ให้
แล้วเรารู้สึกว่าทองคำ มันมีค่า
เอาของมีค่า ไปให้ ใจมันจะรู้สึกพองโต

สมมุติมีลูกค้าท่านหนึ่ง
เกิดบังเอิญ หมอไปตรวจ เจอก้อนอะไรก็ไม่รู้ ให้เตรียมเงินค่ารักษาไว้ 2 ล้านแล้วกัน

ถามว่า
ทองคำหนัก 1 บาท ที่ให้ไป
รักษาลูกค้าได้กี่ปีครับ

เงิน 2 หมื่นบาท จากทองคำ 1 บาท (ที่บอกว่ามีค่า)
เอาไปเป็นค่ารักษาโรคร้ายแรงแทบไม่ได้เลย

แต่ถ้าเอา 2 หมื่นนั้น มาเปลี่ยนเป็นซื้อประกันความคุ้มครองเรื่องโรคร้ายแรง จะได้รับความคุ้มครองได้ถึง 3-4 ล้านบาท
ดูมีค่ามากกว่ามั้ยครับ

การเป็นวิชาชีพ ตัวแทนประกันชีวิต
สิ่งสำคัญ คือ การเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ
เห็นคุณค่าของการเป็นผู้ให้
เราจะรู้ว่า เราจะเห็นโอกาส เราจะไปนำเสนอมุมมองของการเป็นประโยชน์ มากกว่า มุมมองของการไปตักตวงผลประโยชน์จากลูกค้า

จุดนี้ ทำให้เราสามารถ ไปคุยกับใครก็ได้เรื่องประกันชีวิต

ประกันรถยนต์ ประกันภัยรถยนต์ ประกันรถยนต์ชั้น1 ประกันชั้น1 ประกันภัย